หลักสูตรปฐมวัย

โครงสร้างปฐมวัย 3-5 ปี

 

เราใช้หลักสูตร Early Years Foundation Stage (EYFS)  จากประเทศอังกฤษ ร่วมกับกระบวนการเรียนการสอนจากแนวทางการศึกษาแบบก้าวหน้าที่ใช้ Play Based Learning เป็นหลัก เราได้รับแรงบันดาลใจจากแนวทางของ Forest Schools ที่ใช้สภาพแวดล้อมในธรรมชาติเป็นห้องเรียน รวมถึงการจัดกิจกรรมแบบ semi-structured จากแนวทาง Reggio Emilia ที่ให้เด็กค้นพบความรู้ด้วยตัวเองผ่านการ Explore การสังเกตและการตั้งคำถาม ในกระบวนการเหล่านี้ครูจะออกแบบแผนการเรียนอย่างต่อเนื่อง โดยสอดคล้องกับความสนใจและความพร้อมของเด็ก ซึ่งมุ่งเน้นการเรียนรู้ 7 ด้าน ได้แก่ พัฒนาการด้านร่างกาย พัฒนาการด้านอารมณ์ สังคมพัฒนการด้านการสื่อสารและภาษา  ด้านการอ่าน ด้านคณิตศาสตร์ การเข้าใจโลก การแสดงออกด้านศิลปะ และการแสดงออกรวมถึงวิชาภาษาไทย วัฒนธรรมไทยและประวัติศาสตร์ไทยผ่านการเล่นและกิจกรรมภาษาอังกฤษและภาษาจีน

ในโปรแกรมปฐมวัยที่ Wonder Valley เด็กๆเรียนในชั้นเรียนคละอายุและใช้เวลาช่วงเช้าทุกวันในธรรมชาติ นอกห้องสี่เหลี่ยม เด็กได้รับประโยชน์อะไรบ้างจากห้องเรียนธรรมชาตินี้

  • เด็กมีอิสระที่จะเคลื่อนไหวและได้ใช้ร่างกายเต็มที่ 

  • มีความรู้สึกสดใส การค้นพบ การผจญภัยและความรู้สึกพิศวงเบ่งบาน 

  • ระบบนิเวศที่หลากหลายในธรรมชาติเสริมสร้างความใฝ่รู้ และการคิดค้น 

  • มีวัสดุธรรมชาติมากมาย ที่กระตุ้นจินตนาการและความริเริ่มจากภายใน

  • มีโอกาสสร้างความมั่นใจ ผ่านการเผชิญอุปสรรคและความเสี่ยง

  • มีสถานการณ์จริง ทำให้เกิดการทำงานเป็นกลุ่มและการแก้ปัญหาร่วมกัน 

  • มีเวลาสำหรับการสังเกต การสะท้อน การอยู่อย่างนิ่งเงียบ

  • มีครูที่มีความรู้ ความสามารถและผู้ช่วยดูแลความปลอดภัยให้แก่เด็กอย่างใกล้ชิด

ช่วงเช้าจะมีเวลาเล่นอิสระ กิจกรรมกลุ่ม ตามด้วยเวลาทำกิจกรรมกลุ่มที่ครูเตรียมการมาจากหลักสูตร เพื่อเน้นทักษะเช่น ทักษะทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาจีน และภาษาไทย ครูสอนทักษะเหล่านี้ผ่านการเล่น

ช่วงบ่ายจะเป็นกิจกรรมทั้งในห้องและนอกห้องเรียน ซึ่งครูได้จัดเตรียมแผนการจัดประสบการณ์ เพื่อเสริมทักษะเพิ่มเติมจากช่วงเช้าให้เด็กแต่ละคนหรือเด็กกลุ่มเล็กตามพัฒนาการ เช่นกิจกรรมคณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย

นอกจากนี้ พื้นที่ในห้องเรียนจะเป็นมุมต่างๆสำหรับศิลปะและงานประดิษฐ์ งานไม้ มุมคหกรรม มุมอ่านหนังสือ มุมดนตรี มุมการแสดงบทบาทสมมุติ เเละมุมวิทยาศาสตร์ ที่เด็กสามารถเข้ามาใช้ได้ด้วยตนเอง หรือทำร่วมกับกลุ่ม ตามความสนใจของตน โดยมีครูคอยสังเกตการณ์และช่วยเหลืออยู่ข้างๆ

กระบวนทัศน์ทางการศึกษาของเรา มีพื้นฐานมาจาการศึกษาแบบคอนสตรัคติวิสต์ ที่เน้นการหาความรู้และการสร้างทักษะใหม่ โดยผ่านประสบการณ์ตรง การลงมือทำและการตั้งคำถาม ตรงกันข้ามกับการศึกษาแบบเดิม(Passive)  ที่มองเด็กเป็นเสมือนกระดานที่ว่างเปล่า ที่รอการป้อนข้อมูลจากผู้ใหญ่แต่ฝ่ายเดียว ภายใต้แนวทางการศึกษาแบบนี้ ครูจะได้รับการฝึกอบรมและตั้งคำถามปลายเปิดเพื่อกระตุ้นให้เกิด Inquiry และ Reflection ครูจะให้ความสำคัญต่อคำตอบที่เด็กๆค้นพบ ไม่ก้าวกระโดดไปก่อน แต่สนใจในสิ่งที่เด็กสนใจ ณ ปัจจุบัน

โปรแกรมคณิตศาสตร์ของเรา โฟกัสที่ mathematical concept อันเป็นรากฐานในการพัฒนากระบวนการคิดทางคณิตศาสตร์ไปตลอดชีวิต เราเริ่มจากการเรียนรู้ผ่านวัตถุที่จับต้องได้ แล้วค่อยๆเปลี่ยนผ่านไปยังการคิดเชิงนามธรรม ตามความพร้อมของเด็ก ในช่วงวัยนี้ การเล่นต่อบล็อก การนับแท่งไม้ และการเล่นอื่นๆ ที่ทำให้เด็กเชื่อมโยงกับโลก ล้วนเป็นแนวทางให้เด็กมีพัฒนาการทางด้านตัวเลข numeracy พัฒนาการทางสติปัญญาเชิงพื้นที่ (spatial intelligence) อันเป็นรากฐานสำหรับการคิดทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อนขึ้น

นิทานจำเป็นสำหรับการสร้างพื้นฐานทางภาษาและการรักการอ่าน ช่วงเล่านิทานจะเปิดเด็กสู่โลกของหนังสือ และนิทาน ช่วงนั่งล้อมวงเปิดโอกาสให้เด็กได้แต่งนิทานทุกๆวัน เรามีห้องสมุดซึ่งเด็กเข้าไปใช้ได้ตลอดเมื่อเด็กแสดงความสนใจที่จะอ่าน เราจะสอนให้อ่านตามโปรแกรมโฟนิกส์ของเรา ผู้ปกครองของเด็กที่พร้อมในการอ่าน จะได้รับการแนะนำในการช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาอังกฤษของเด็กที่บ้าน

​เมื่อเกิดความขัดแย้งระหว่างเด็กเรา จะพยายามหาว่าเพราะเหตุใด พร้อมทั้งถามค้นเข้าไปในเรื่องราวด้วยกัน แทนที่จะมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยหรือใช้วิธีการให้รางวัลและการลงโทษเพื่อแก้ปัญหาเราปล่อยให้เด็กแสดงความรู้สึกและอารมณ์ตามที่เขาเป็นจริง โดยไม่พยายามเปลี่ยนเขาให้เป็นอย่างอื่นที่พึงประสงค์กว่า การทำเช่นนี้จะสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้เขารับรู้ถึงอารมณ์ความรู้สึกต่างๆตามที่เป็นจริง โดยไม่ข่มความรู้สึก ไม่เลี่ยงหนี หรือตำหนิมัน เพื่อภายภาคหน้าเด็กจะมีความสามารถสืบสวนเข้าสู่แหล่งที่มาของอารมณ์ และเห็นผลกระทบของอารมณ์ต่อตนเองและผู้อื่น มีสติปัญญาทางอารมณ์ที่ดีเลิศ